Sunday, December 27, 2009

แมงลัก

แมงลักเป็นพืชล้มลุกที่ใช้เป็นอาหารได้ทั้งใบและเมล็ด ส่วนที่เป็นใบนั้นมีกลิ่นฉุนใช้ประกอบอาหารเช่นเดียวกับกระเพราและโหระพา ส่วนมากใช้รับประทานกับขนมจีนหรือใส่แกงต่างๆ ส่วนเม็ดใช้ทำเป็นเมล็ดแมงลัก นำมาทำเป็นยาระบายได้ และสามารถนำมาทำเป็นอาหารเสริมลดความอ้วน

การปลูก
ระยะปลูก
ระหว่างต้น 40 เซนติเมตร ระหว่างแถว 40 เซนติเมตร
การเตรียมดิน
ไถดินลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 1-2 อาทิตย์ ย่ิอยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาวในอัตรา 100-200 กิโลกรัม/ไร่ ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตรา 2,000 กิโลกรัม/ไร่ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่ คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วยกแปลงให้สูงประมาณ30 เซนติเมตร กว้าง 120 เซนติเมตร
วิธีปลูก
เมื่อเมล็ดงอกขึ้นมาอายุ 1 เดือน จะสูงประมาณ 1 ฟุต ก็นำปลูกลงแปลงปลูกที่เตรียมดินไว้ แต่ถ้าเมื่อถอนขึ้นมาก่อนนำไปปลูกลงดินต้องตัดยอดทิ้งก่อน หรืออาจตัดออกครึ่งต้นก็ได้ ถ้าจะยิ่งดีขึ้นควรตัดแต่งรากด้วยแมงลักที่ตัดแต่งรากจะงอกงามกว่า แม้ทั้งนี้เวลานำไปปลูกต้องรดน้ำด้วย ใช้ปลูกหลุมละ 1-2 ต้น เมื่อต้นแมงลักเตบโตกิ่งก้านใบก็จะคลุใถึงกันหมด

การดูแลรักษา
การให้น้ำ
ควรให้น้ำน้ำอย่างสมำ่เสมอ วันละ 2 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย
ครั้งแรกใส่ปุ๋ย 25-7-7 หรือ 46-0-0 หลังเพาะกล้า 7 วัน และครั้งที่สองใส่ป๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 20-10-10 ในอัตรา 25-30 กิโลกรัม/ไร่ หลังจากครั้งแรก 15 วัน
การเก็บเกี่ยว
เมื่ออายุได้ 40-45 วัน ก็ตัดกิ่งนำไปบริโภคหรือขายได้


ขอบคุณข้อมูลดีดี จากหนังสือบางกอก
รูปจาก google.com

Thursday, December 24, 2009

กะเพรา



กะเพราเป็นพืชผักที่ใช้ใบสดประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาว และช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม นอกจากนั้นยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพร เป็นพืชที่นิยมปลูกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นไทย มาเลเซีย

การปลูก
ระยะปลูก
ระหว่างต้น 40 เซนติเมตร ระหว่างแถว 40 เซนติเมตร
การเตรียมดิน
ไถดินลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 1-2 อาทิตย์ ย่อยดินให้ละเอียดหว่านปูนขาวในอัตรา 100-300 กิโลกรัม/ไร่ คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วยกแปลงให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 120เซนติเมตร
วิธีปลูก
กะเพราสามารถปลูกได้โดยใช้กิ่งชำ หรือใช้เมล็ดเพาะเป็นต้นกล้า แล้วย้ายปลูกตามระห่างทั้งหมด

การดูแลรักษา
กาให้น้ำ
ควรให้เพียงพอกับความต้องการของต้นพืช
การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 30-50กิโลกรัม/ไร่ หลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง
การเก็บเกี่ย
ใช้มีดคมๆเก็บเกี่ยวโดยตัดแต่งกิ่งก้านที่แก่ เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ซึ่งในไม่ช้ากะเพราจะแตกกิ่งต้นออกมาเช่นเดิม (อายุเก็บเกี่ยว 40-45 วัน ) สามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งในระยะที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ควรมีการตัดดอกทิ้ง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตทางใบ

การป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยชีววิถี
ชนิดศัตรูพืช - เพลี้ยอ่อน หนอนใยผัก
การป้องกัน - ฉีดพ่นด้วยสารสะเดา BT (ฟอร์แบค)


ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือบางกอก
รูปจาก google.com

Wednesday, December 23, 2009

ฟักทอง

ฟักทอง สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ชอบดินร่วนปนทรายแดดจัดและการระบายน้ำดีมีคุณค่าทางอาหารสูงมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอนมสายตา นำมาประกอบอาหารหลายชนิด รับประทานได้ทั้งส่วนของผลและส่วนของยอด



การปลูก
ระยะปลูก
ระหว่างแถว1-1.50 ระหว่างต้น 2-2.50 เมตร เป็นพืชที่ต้องการพื้นที่ปลูกมาก
การเตรียมดิน
ไถดินลึกประมาณ25-30เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ แล้วย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาวประมาณ100-300 กิโลกรัม/ไร่ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา2,000-2,500กิโลกรัม/ไร่ ใส่ปุ๋ยสูตร15-15-15 อัตรา 30-50 กิโลกรัม/ไร่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
วิธีปลูก
หลังเตรียมแปลงปลูก และขุดหลุมปลูกตามระยะที่กำหนด แล้วหยอดเมล็ด 2-3 เมล็/หลุม ลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร แล้วกลบหลุมปลูกด้วยดินหรือคลุมด้วยฟางแห้ง เพื่อรักษาความชื้นของดิน และรดน้ำให้ชุ่ม อายุ 5-7 วัน เมล็ดงอก ควรถอนแยกเหลือ 2 ต้นต่อหลุม

การดูแลรักษา
การให้น้ำ
อายุ 7-10 วันหลังงอกใส่ปุ๋ยสูตร46-0-0 อััตรา 30-50 กิโลกรัม/ไร่ สำหรับในช่วงออกดอกใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และติดผลใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือสูตรใกล้เคียง อัตรา 30-50 กิโลกรับ/ไร่ โดยทยอยใส่
การผสมเกสร
เมื่อฟักทองออกดอกตัวเมีย ถ้าผึ้งไม่พอผสมให้เลือกดอกตัวผู้ เด็ดมาแล้วปลิดกลีบออกให้หมด นำไปเคาะละอองเกสรตัวผู้ให้ตกลงบนดอกตัวเมีย จะทำให้ฟักทองติดผลดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคนิคหนึ่งก็คือนำนมผงผสมน้ำพ่นใส่ดอกฟักทองในระยะที่ดอกกำลังบาน เพื่อล่อแมลงให้มาช่วยผสมเกสร
การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยว 80-90 วัน หรือสังเกตสีเปลือก สีกลมกลืนเป็นสีเดียวกัน ดูนวลขึ้นเต็มผล การเก็บควรเหลือขั้วติดไว้ด้วย เพื่อช่วยให้เก็บรักษาได้นานขึ้น

การป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยชีววิถี
ชนิดศัตรูพืช - ด้วงเต่าแตงแดง
การป้องกัน - ฉีดพ่นด้วยสารสะเดา

ขอบคุณข้อมูลดีดี จากหนังสือบางกอก
รูปจาก google.com