Thursday, November 5, 2009

มะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นผักที่ใช้ส่วนของผลในการประกอบอาหารสามารถรับประทานสด นำไปประกอบอาหารต่างๆ เช่น มะเขือเทศสีดาสำหรับทำส้มตำหรือน้ำพริกอ่อง มะเขือเทศผลใหญมีการปลูกสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทำน้ำมะเขือเทศเข้มข้นหรือซอสมะเขือเทศฤดูปลูกที่เหมาะสม คือ ฤดูหนาว แต่ปัจจุบัน มีพันธุ์ให้สามารถปลูกได้ปลูกตลอดปี

การปลูก
ระยะปลูก
ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 70 เซนติเมตร
การเตรียมดิน
ไถดินให้ลึก 30-40เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาวในอัตรา 100-300 กิโลกรัม/ไร่ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตรา 2,000 กิโลกรัม/ไร่ และใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่ คลุกด้วยถุงพลาสติก เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืช ควรเตรียมดินให้เสร็จก่อนปลูก 2-3 อาทิตย์
การเตรียมกล้า
เตรียมถาดเพาะกล้าและดินผสม (ดินที่ร่อนแล้ว 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน) ใส่ดินผสมลงในถาดเพาะกล้า รดน้ำ แล้วจึงหยอดเม็ดลงในถาดเพาะกล้า หลุมละ 1 เมล็ด รดน้ำรักษาความชุ่มชื้นอย่าให้แฉะเกินไป
วิธีปลูก
ปลูกแถวคู่เจาะพลาสติกเป็นหลุมตามระยะที่กำหนด ขุดหลุมแล้วนำกล้ามะเขือเทศที่มีอายุ 30 วัน หรือมีใบจริง 2-3 ใบ มาปลูกตามหลุมกลบดินและรดน้ำ ระวังอย่าจับบริเวณโคนต้นกล้า

การดูแลรักษา
การทำค้าง
ควรปักไม้ค้างทุกหลุม และทำก่อนออกดอก โดยใช้เชือกผูกกับลำต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อนกระตุกกับค้าง เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา ง่ายต่อการเก็บเกี่ยวและช่วยเพิ่มอายุการเก็บผลผลิตให้นาน
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงติดผล ระยะแก่ควรลดการให้น้ำเพราะจะทำให้ผลแตก
การใส่ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในอัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่ ครั้งแรกหลังจากย้ายกล้าปลูก 7 วัน ครั้งที่สองหลังจากใส่ครั้งที่หนึ่ง 15 วัน ครั้งที่สามหลังจากใส่ครั้งที่สอง 20 วัน
การเก็บเกี่ยว
มะเขือเทศสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่ออายุประมาณ 70-90 วัน นับตั้งแต่เพาะกล้า และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานประมาณ 4-5 เดือน สำหรับมะเขือเทศ พันธุ์เลื้อย เช่นพันธุ์สีดา แต่สำหรับพันธุ์พุ่มสามารถเก็บผลผลิตได้ 6-7 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่ปลูกสำหรับแปรรูป หรือเข้าโรงงานอุตสาหกรรม

การป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยชีววิถี
ชนิดศัตรู - โรคใบไหม้ โรคเน่าคอดิน โรคเน่า
การป้องกัน - ตัดใบและส่วนที่เป็นโรคทิ้ง , ฉีดพ่นเชื้อไตรโครเดอร์ม่า
- รดด้วยน้ำปูนใส


ขอบคุณข้อมูลดีดี จากหนังสือบางกอก
รูปจาก google.com

No comments:

Post a Comment